วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552


การเลี้ยงวัวเนื้อ





การเลี้ยงวัวเนื้อ เป็นอาชีพที่น่าสนใจอาชีพหนึ่ง เพราะเนื้อวัวที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหารบริโภคกันโดยทั่วไป และการเลี้ยงวัวเนื้อในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายพันธุ์ วัวเนื้อพันธุ์บราห์มันเป็นวัวที่นิยมเลี้ยง มีขนาดใหญ่ ลำตัวสีดำคล้ำหรือสีเทา มีรูปร่างล่ำสัน กล้ามเนื้อมาก ลำตัวยาว มีโหนกสูงขนาดใหญ่ หลังยาวและแอ่น มีเหนียงย้อยใต้คาง หน้าผากกว้างยาว เขาชันขึ้นบนและงุ้ม ใบหูยาว เป็นวัวที่มีความอดทนต่อความร้อนและโรคได้ดี และเจริญเติบโตง่าย ส่วนวัวเนื้อสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ คือ วัวพันธุ์กำแพงแสน ลูกผสมที่ได้จะมีความอดทนต่อสภาพอากาศและให้คุณภาพเนื้อได้ไม่แพ้พันธุ์บราห์มัน ให้ผลกำไรสูงและเหมาะกับการเลี้ยงในเขตร้อนอย่างบ้านเรา
การเลี้ยงวัวเนื้อ เราสามารถเลี้ยงวัวเนื้อในโรงเรือนหรือปล่อยให้วัวหากินอย่างอิสระตามทุ่งหญ้าก็ได้ โรงเรือนควรอยู่บริเวณที่เป็นเนิน น้ำท่วมไม่ถึง มีความโปร่ง ควรเป็นพื้นปูนเพื่อง่ายในการทำความสะอาด แบ่งพื้นที่เลี้ยงวัวเนื้อเป็นคอก คอกละ 1 ตัว ทำรางหญ้า รางอาหาร และรางน้ำแยกไว้แต่ละคอก การให้อาหาร ควรให้เป็นเวลา ใช้หญ้าหรือฟาง และให้กินอาหารเสริมพวกกระถิน มันสำปะหลังแห้งผสมเกลือแดง รำหญ้าขน นอกจากนี้ควรมีก้อนหินเกลือแร่ไว้ให้วัวเลีย จะทำให้วัวไม่ขาดสารอาหาร รางน้ำควรมีน้ำเพียงพอ เพราะถ้าวัวขาดน้ำจะทำให้วัวตายได้ง่าย สร้างบ่อบำบัด เวลาที่มูลวัวหรือสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ตกลงไปในบ่อบำบัด จะทำให้ตกตะกอนแล้วนำมาทำเป็นปุ๋ยจุลินทรีย์ได้การจัดจำหน่าย การเลี้ยงวัวเนื้อเป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้แน่นอน เพราะตลาดมีความต้องการสูงโดยเฉพาะวัวลูกผสมพันธุ์บราห์มันหรือพันธุ์กำแพงแสน เป็นวัวที่มีกล้ามเนื้อมาก เนื้อแน่น เวลาขายจะได้ราคาดี ส่วนมูลวัวที่ตากแห้งขายเป็นอาหารปลา หรือมูลวัวที่ตกตะกอนในบ่อบำบัด ทำเป็นปุ๋ยเพื่อขายเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงอีกทางหนึ่งเคล็ดลับ การเลี้ยงวัวเนื้อขายให้ได้ราคา ต้องให้อาหาร ได้แก่ หญ้า หินเกลือแร่ และน้ำอย่างเพียงพอกับความต้องการของวัว ควรเลี้ยงวัวที่มีความอดทนต่อสภาพอากาศร้อน ของบ้านเราหรือเลือกพันธุ์ที่ให้กล้ามเนื้อมาก เมื่อขายจะได้ผลตอบแทนสูง

วิธีการเลี้ยงนกกรงหัวจุก
เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเราตื่นนอนตอนเช้า อากาศสดชื่น เย็นสบาย นกก็สดชื่น เราทำการเปลี่ยนอาหารใหม่ ตามปกติจะประกอบด้วย กล้วยครึ่งผล มะละกอสุก 1 ชิ้น หรือแตงกวา 1 ซีก (สำหรับแตงกวาอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เพราะปัจจุบันมีการใช้สารเคมีฝังใต้ดิน เพื่อกำจัดหนอนแมลงกันมาก ยาก็จะดูดซึมเข้าไปอยู่ในผลแตงกวาด้วย เมื่อนกกินเข้าไป อาจทำให้นกตายได้ เรื่องนี้ ผู้เขียนเคยประสบมาแล้ว) หลังจากนั้นเอากรงนกไปแขวนในที่ที่เตรียมเอาไว้ อาจจะเป็นชายคาบ้านหรือกิ่งไม้ที่แข็งแรงพอ นกก็จะเริ่มส่งเสียงร้องออกมา ถ้าเป็นนกที่กำลังคึกคักก็จะร้องตลอดเวลา ไม่หยุด พร้อมทั้งออกลีลาเต็มที่ ต่อจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ผู้เลี้ยงต้องออกไปทำงาน ก็ให้เก็บนกไว้ในบ้านในที่ที่ปลอดภัยที่สุด (จากงูเขียว หนู ขโมย) ต้องเป็นที่ที่มีแสงสว่างพอสมควร อย่าให้มืดเกินไป สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่กับบ้าน มีเวลาเลี้ยงนกมาก ก็ให้จัดเตรียมสนามซ้อมหรือราวเอาไว้เพื่อให้นกได้ตากแดด เป็นการเสริมวิตามินดีจากธรรมชาติ และสร้างความสดชื่นให้กับนก วิธีการตากแดดมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1. นกที่ยังไม่พร้อมจะเข้าแข่งขัน หมายถึง นกใหม่ที่เราที่เพิ่งได้มา ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรหรือนกวัยรุ่นที่ยังไม่มีความพร้อม ให้ตากแดดปกติ ไม่ต้อมโหมหนักมากเกินไป เพราะธรรมชาติของนก เมื่อเจอแดดร้อนก็จะเข้าไปแอบในร่มไม้เพื่อพักผ่อน นกกลุ่มนี้ให้ตากแดดช่วงเช้าตรู่ จนถึงประมาณ 09:00 - 10:00 ก็พอเพียง เก็บเข้าที่ร่มให้ห่างกันพอสมควร เพราะนกบางตัวอาจเกิดอาการกลัวนกตัวอื่น จึงไม่กล้าร้อง 2. นกที่พร้อมจะเข้าแข่งขันหรือแข่งอยู่แล้ว นกกลุ่มนี้ต้องการความพร้อมสูงในการเตรียมตัวเข้าแข่งขัน โดยเฉพาะต้องตากแดด เพื่อให้นกแข็งแรง ทดแดดทนร้อนได้ ปกติจะเริ่มตากประมาณ 09:00 - 13:00 โดยตากไว้ตลอด ไม่มีการยกเข้าพักในที่ร่ม ให้นกได้กระโดดและร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาเก็บ สถานที่ตากแดดก็เหมือนกัน คือ ต้องแข็งแรง ปลอดภัย และแต่ละตัวแขวนให้ห่างกันพอสมควร อย่าให้ใกล้กันเหมือนตอนแข่งหรือตอนซ้อม เพราะนกจะต่อสู้กันทุกวันจนเบื่อ หลังจากผ่านการตากแดดมาแล้ว เก็บเข้าที่ร่ม ไม่มืดทึบ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก นกก็จะได้พักผ่อนส่วนตัว ไม่ต้องร้อง บางตัวก็จะร้องเล่นๆ เบาๆ เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถจนถึงเวลาประมาณ 15:00 - 16:00 ก็ยกนกออกไปแขวนข้างนอก แล้วทำความสะอาดกรงนก โดยการเริ่มล้างถ้วยน้ำ ถ้วยอาหารให้สะอาด จากนั้นจัดการล้างซี่กรงด้านล่าง (ท้องกรง) โดยใช้น้ำฉีดให้ทั่ว ใช้ฟองน้ำหรือแปรงสีฟันขัดให้สะอาด และล้างถาดรองขี้นกให้สะอาดเช่นกัน แล้วหงายขันอาบน้ำ เติมน้ำให้เต็ม นำกรงนกขึ้นแขวนในที่ร่ม นกก็จะลงอาบน้ำเองอย่างสนุกสนาน เปียกทั่วตัว (กรณีที่นกบางตัวไม่ยอมอาบน้ำ ให้ใช้กระบอกฉีดน้ำปรับให้เป็นฝอย ฉีดให้ทั่วตัวบ่อยๆ นกก็จะลงอาบน้ำเอง) เมื่อนกอาบน้ำเสร็จและเริ่มแต่งตัว (โดยการใช้ปากไซ้ขนทั่วตัวเพื่อทำความสะอาดและให้ขนแห้ง) เราก็คว่ำขัน และยกกรงนกไปตากแดดอ่อนๆ เพื่อ - ทำให้ขนนกแห้ง เป็นการสร้างความสวยงามให้นก เพราะขนนกจะฟูสวยงาม และนกจะไม่คันในขณะทำการแข่งขัน - ทำให้กรงนกแห้ง เป็นการยืดอายุการใช้งานของกรงนกออกไปอีก เพราะเมื่อกรงเปียก ไม้ก็จะพอง ข้อต่อต่างๆ ก็จะหลวมและเผยอออก ซี่กรงก็อาจขึ้นราได้
วิธีการเลี้ยงนกกรงหัวจุก
เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเราตื่นนอนตอนเช้า อากาศสดชื่น เย็นสบาย นกก็สดชื่น เราทำการเปลี่ยนอาหารใหม่ ตามปกติจะประกอบด้วย กล้วยครึ่งผล มะละกอสุก 1 ชิ้น หรือแตงกวา 1 ซีก (สำหรับแตงกวาอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เพราะปัจจุบันมีการใช้สารเคมีฝังใต้ดิน เพื่อกำจัดหนอนแมลงกันมาก ยาก็จะดูดซึมเข้าไปอยู่ในผลแตงกวาด้วย เมื่อนกกินเข้าไป อาจทำให้นกตายได้ เรื่องนี้ ผู้เขียนเคยประสบมาแล้ว) หลังจากนั้นเอากรงนกไปแขวนในที่ที่เตรียมเอาไว้ อาจจะเป็นชายคาบ้านหรือกิ่งไม้ที่แข็งแรงพอ นกก็จะเริ่มส่งเสียงร้องออกมา ถ้าเป็นนกที่กำลังคึกคักก็จะร้องตลอดเวลา ไม่หยุด พร้อมทั้งออกลีลาเต็มที่ ต่อจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ผู้เลี้ยงต้องออกไปทำงาน ก็ให้เก็บนกไว้ในบ้านในที่ที่ปลอดภัยที่สุด (จากงูเขียว หนู ขโมย) ต้องเป็นที่ที่มีแสงสว่างพอสมควร อย่าให้มืดเกินไป สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่กับบ้าน มีเวลาเลี้ยงนกมาก ก็ให้จัดเตรียมสนามซ้อมหรือราวเอาไว้เพื่อให้นกได้ตากแดด เป็นการเสริมวิตามินดีจากธรรมชาติ และสร้างความสดชื่นให้กับนก วิธีการตากแดดมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1. นกที่ยังไม่พร้อมจะเข้าแข่งขัน หมายถึง นกใหม่ที่เราที่เพิ่งได้มา ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรหรือนกวัยรุ่นที่ยังไม่มีความพร้อม ให้ตากแดดปกติ ไม่ต้อมโหมหนักมากเกินไป เพราะธรรมชาติของนก เมื่อเจอแดดร้อนก็จะเข้าไปแอบในร่มไม้เพื่อพักผ่อน นกกลุ่มนี้ให้ตากแดดช่วงเช้าตรู่ จนถึงประมาณ 09:00 - 10:00 ก็พอเพียง เก็บเข้าที่ร่มให้ห่างกันพอสมควร เพราะนกบางตัวอาจเกิดอาการกลัวนกตัวอื่น จึงไม่กล้าร้อง 2. นกที่พร้อมจะเข้าแข่งขันหรือแข่งอยู่แล้ว นกกลุ่มนี้ต้องการความพร้อมสูงในการเตรียมตัวเข้าแข่งขัน โดยเฉพาะต้องตากแดด เพื่อให้นกแข็งแรง ทดแดดทนร้อนได้ ปกติจะเริ่มตากประมาณ 09:00 - 13:00 โดยตากไว้ตลอด ไม่มีการยกเข้าพักในที่ร่ม ให้นกได้กระโดดและร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาเก็บ สถานที่ตากแดดก็เหมือนกัน คือ ต้องแข็งแรง ปลอดภัย และแต่ละตัวแขวนให้ห่างกันพอสมควร อย่าให้ใกล้กันเหมือนตอนแข่งหรือตอนซ้อม เพราะนกจะต่อสู้กันทุกวันจนเบื่อ หลังจากผ่านการตากแดดมาแล้ว เก็บเข้าที่ร่ม ไม่มืดทึบ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก นกก็จะได้พักผ่อนส่วนตัว ไม่ต้องร้อง บางตัวก็จะร้องเล่นๆ เบาๆ เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถจนถึงเวลาประมาณ 15:00 - 16:00 ก็ยกนกออกไปแขวนข้างนอก แล้วทำความสะอาดกรงนก โดยการเริ่มล้างถ้วยน้ำ ถ้วยอาหารให้สะอาด จากนั้นจัดการล้างซี่กรงด้านล่าง (ท้องกรง) โดยใช้น้ำฉีดให้ทั่ว ใช้ฟองน้ำหรือแปรงสีฟันขัดให้สะอาด และล้างถาดรองขี้นกให้สะอาดเช่นกัน แล้วหงายขันอาบน้ำ เติมน้ำให้เต็ม นำกรงนกขึ้นแขวนในที่ร่ม นกก็จะลงอาบน้ำเองอย่างสนุกสนาน เปียกทั่วตัว (กรณีที่นกบางตัวไม่ยอมอาบน้ำ ให้ใช้กระบอกฉีดน้ำปรับให้เป็นฝอย ฉีดให้ทั่วตัวบ่อยๆ นกก็จะลงอาบน้ำเอง) เมื่อนกอาบน้ำเสร็จและเริ่มแต่งตัว (โดยการใช้ปากไซ้ขนทั่วตัวเพื่อทำความสะอาดและให้ขนแห้ง) เราก็คว่ำขัน และยกกรงนกไปตากแดดอ่อนๆ เพื่อ - ทำให้ขนนกแห้ง เป็นการสร้างความสวยงามให้นก เพราะขนนกจะฟูสวยงาม และนกจะไม่คันในขณะทำการแข่งขัน - ทำให้กรงนกแห้ง เป็นการยืดอายุการใช้งานของกรงนกออกไปอีก เพราะเมื่อกรงเปียก ไม้ก็จะพอง ข้อต่อต่างๆ ก็จะหลวมและเผยอออก ซี่กรงก็อาจขึ้นราได้
วิธีการเลี้ยงนกกรงหัวจุก
เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเราตื่นนอนตอนเช้า อากาศสดชื่น เย็นสบาย นกก็สดชื่น เราทำการเปลี่ยนอาหารใหม่ ตามปกติจะประกอบด้วย กล้วยครึ่งผล มะละกอสุก 1 ชิ้น หรือแตงกวา 1 ซีก (สำหรับแตงกวาอาจมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เพราะปัจจุบันมีการใช้สารเคมีฝังใต้ดิน เพื่อกำจัดหนอนแมลงกันมาก ยาก็จะดูดซึมเข้าไปอยู่ในผลแตงกวาด้วย เมื่อนกกินเข้าไป อาจทำให้นกตายได้ เรื่องนี้ ผู้เขียนเคยประสบมาแล้ว) หลังจากนั้นเอากรงนกไปแขวนในที่ที่เตรียมเอาไว้ อาจจะเป็นชายคาบ้านหรือกิ่งไม้ที่แข็งแรงพอ นกก็จะเริ่มส่งเสียงร้องออกมา ถ้าเป็นนกที่กำลังคึกคักก็จะร้องตลอดเวลา ไม่หยุด พร้อมทั้งออกลีลาเต็มที่ ต่อจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ผู้เลี้ยงต้องออกไปทำงาน ก็ให้เก็บนกไว้ในบ้านในที่ที่ปลอดภัยที่สุด (จากงูเขียว หนู ขโมย) ต้องเป็นที่ที่มีแสงสว่างพอสมควร อย่าให้มืดเกินไป สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่กับบ้าน มีเวลาเลี้ยงนกมาก ก็ให้จัดเตรียมสนามซ้อมหรือราวเอาไว้เพื่อให้นกได้ตากแดด เป็นการเสริมวิตามินดีจากธรรมชาติ และสร้างความสดชื่นให้กับนก วิธีการตากแดดมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1. นกที่ยังไม่พร้อมจะเข้าแข่งขัน หมายถึง นกใหม่ที่เราที่เพิ่งได้มา ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรหรือนกวัยรุ่นที่ยังไม่มีความพร้อม ให้ตากแดดปกติ ไม่ต้อมโหมหนักมากเกินไป เพราะธรรมชาติของนก เมื่อเจอแดดร้อนก็จะเข้าไปแอบในร่มไม้เพื่อพักผ่อน นกกลุ่มนี้ให้ตากแดดช่วงเช้าตรู่ จนถึงประมาณ 09:00 - 10:00 ก็พอเพียง เก็บเข้าที่ร่มให้ห่างกันพอสมควร เพราะนกบางตัวอาจเกิดอาการกลัวนกตัวอื่น จึงไม่กล้าร้อง 2. นกที่พร้อมจะเข้าแข่งขันหรือแข่งอยู่แล้ว นกกลุ่มนี้ต้องการความพร้อมสูงในการเตรียมตัวเข้าแข่งขัน โดยเฉพาะต้องตากแดด เพื่อให้นกแข็งแรง ทดแดดทนร้อนได้ ปกติจะเริ่มตากประมาณ 09:00 - 13:00 โดยตากไว้ตลอด ไม่มีการยกเข้าพักในที่ร่ม ให้นกได้กระโดดและร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาเก็บ สถานที่ตากแดดก็เหมือนกัน คือ ต้องแข็งแรง ปลอดภัย และแต่ละตัวแขวนให้ห่างกันพอสมควร อย่าให้ใกล้กันเหมือนตอนแข่งหรือตอนซ้อม เพราะนกจะต่อสู้กันทุกวันจนเบื่อ หลังจากผ่านการตากแดดมาแล้ว เก็บเข้าที่ร่ม ไม่มืดทึบ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก นกก็จะได้พักผ่อนส่วนตัว ไม่ต้องร้อง บางตัวก็จะร้องเล่นๆ เบาๆ เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถจนถึงเวลาประมาณ 15:00 - 16:00 ก็ยกนกออกไปแขวนข้างนอก แล้วทำความสะอาดกรงนก โดยการเริ่มล้างถ้วยน้ำ ถ้วยอาหารให้สะอาด จากนั้นจัดการล้างซี่กรงด้านล่าง (ท้องกรง) โดยใช้น้ำฉีดให้ทั่ว ใช้ฟองน้ำหรือแปรงสีฟันขัดให้สะอาด และล้างถาดรองขี้นกให้สะอาดเช่นกัน แล้วหงายขันอาบน้ำ เติมน้ำให้เต็ม นำกรงนกขึ้นแขวนในที่ร่ม นกก็จะลงอาบน้ำเองอย่างสนุกสนาน เปียกทั่วตัว (กรณีที่นกบางตัวไม่ยอมอาบน้ำ ให้ใช้กระบอกฉีดน้ำปรับให้เป็นฝอย ฉีดให้ทั่วตัวบ่อยๆ นกก็จะลงอาบน้ำเอง) เมื่อนกอาบน้ำเสร็จและเริ่มแต่งตัว (โดยการใช้ปากไซ้ขนทั่วตัวเพื่อทำความสะอาดและให้ขนแห้ง) เราก็คว่ำขัน และยกกรงนกไปตากแดดอ่อนๆ เพื่อ - ทำให้ขนนกแห้ง เป็นการสร้างความสวยงามให้นก เพราะขนนกจะฟูสวยงาม และนกจะไม่คันในขณะทำการแข่งขัน - ทำให้กรงนกแห้ง เป็นการยืดอายุการใช้งานของกรงนกออกไปอีก เพราะเมื่อกรงเปียก ไม้ก็จะพอง ข้อต่อต่างๆ ก็จะหลวมและเผยอออก ซี่กรงก็อาจขึ้นราได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น